สุธี สุขสมกิจ เกิดวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2521 เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรกระบี่ เอฟซี ในระดับดิวิชั่น 1
โดย สุธี สุขสมกิจ ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไทยพรีเมียร์ลีกได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยเขาทำได้ในฤดูกาล 2542 และฤดูกาล 2543 สมัยที่ยังเล่นให้กับสโมสรธนาคารกสิกรไทย
ในนามทีมชาติไทย สุธี เริ่มสร้างชื่อเสียงจากทีมชาติไทยชุดเยาวชน จากการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ในปี พ.ศ. 2539 และต่อมาได้ไปแข่งขันฟุตบอลโลก ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ที่ประเทศอียิปต์ ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่
ในการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2004 ที่ประเทศจีน สุธียิงประตูให้กับทีมชาติไทยได้ในนัดที่แพ้ทีมชาติญี่ปุ่น 1-4 ที่สนามกีฬาฉงชิ่ง ซึ่งประตูดังกล่าวถือเป็นประตูแรกในเอเชียนคัพของทีมชาติไทยนับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นต้นมา
นอกจากนี้ในการแข่งขันระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้สุธี สุขสมกิจจะไม่เคยลงเล่นในกีฬาซีเกมส์ แต่ก็เคยคว้าแชมป์ไทเกอร์ คัพ กับทีมชาติไทย 2 สมัย
สุธี สุขสมกิจ เป็นชาวจังหวัดตราด จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม ก่อนจะย้ายมาเรียนในชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
สุธี เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรก โดยเข้าร่วมสโมสรฟุตบอลธนาคารกสิกรไทย ที่มีชาญวิทย์ ผลชีวิน เป็นโค้ชในขณะนั้น และสร้างผลงานการยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยม จนคว้ารางวัลดาวซัลโวในฤดูกาล 2542 ที่จำนวน 13 ประตู และได้ตำแหน่งดาวซัลโวอีกครั้งในฤดูกาล 2543 ที่จำนวน 16 ประตู โดยนับเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ได้รางวัลดาวซัลโวในลีกสูงสุดของไทยถึง 2 สมัยติดต่อกัน
สุธี ยายมาเล่นฟุตบอลที่ประเทศสิงคโปร์ ในเอสลีก ฤดูกาล 2544 กับสโมสรตันจง ปาการ์ ยูไนเต็ด ที่มีนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ของทีมชาติสิงคโปร์อย่างดาเนียล เบนเนต เล่นอยู่ด้วย โดยสุธีลงเล่นภายใต้การคุมทีมของโตฮารี ไปจาน โค้ชชาวสิงคโปร์
สุธีได้รับเบอร์เสื้อหมายเลข 39 และลงสนามให้สโมสรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2544 ในนัดที่พบกับสโมสรมารีน คาสเซิล ยูไนเต็ด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นสโมสรโห่วกั่ง ยูไนเต็ด) โดยสุธีลงเล่นเป็นกองหน้าตัวจริง และช่วยให้สโมสรบุกมาชนะ 1-0 ถึงสนามกีฬาโห่วกั่ง โดยนับเป็นการลงเล่นในเอสลีก สิงคโปร์เป็นครั้งแรกของเขาอีกด้วย
ต่อมาสุธี สุขสมกิจ ยิงประตูแรกของเขาในเอสลีกได้ ในนัดที่เปิดสนามควีนส์ทาวน์ สเตเดียม เอาชนะสโมสร จูรง เอฟซี ถึง 5-1 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม
ในเดือนเมษายน สุธี ยิงอีก 1 ประตูในนัดที่แพ้สโมสรสิงคโปร์ อาร์มฟอร์ซ (วอริเออร์ส เอฟซี ในปัจจุบัน) คาบ้าน 2-3 เมื่อวันที่ 11 เมษายน และในนัดที่พบกับสโมสรกอมบัค ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 26 เมษายน สุธี ยิงคนเดียว 2 ประตูและพาสโมสรชนะไปได้ 5-1
เดือนมิถุนายน ช่วงเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2544 สุธี ยิงประตูช่วยให้สโมสรเปิดบ้านเอาชนะมารีน คาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 จากนั้นเขายิงประตูให้ทีมบุกมาเสมอกับจูรง เอฟซี ที่สนาม จูรง อีสต์ 1-1 และยิงได้ในนัดที่บุกมาชนะสิงคโปร์ อาร์ม ฟอร์ซถึงสนามฉั่วฉู่กั่ง สเตเดียม 2-4
สุธี ทำผลงานในฤดูกาลแรกอย่างยอดเยี่ยม และเป็นที่จดจำของแฟนบอลตันจง ปาการ์ จากการทำแฮตทริกได้ ในนัดที่เปิดสนามควีนส์ทาวน์ ถล่มสโมสรเซมบาวัง เรนเจอร์ส ไปถึง 5-1 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2544
ช่วงท้ายฤดูกาล เขายิงประตูใส่สโมสรทัมปิเนส โรเวอร์สถึงถิ่นทัมปิเนส สเตเดียม แต่สโมสรกลับแพ้กลับออกไป 2-1 และมายิงในนัดที่บุกมาชนะสโมสรวู้ดแลนด์ เวลลิงตัน 3-1 ที่สนามวู้ดแลนด์ สเตเดียม
ต่อมาในฤดูกาล 2545 สุธี เปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 9 โดยตันจง ปาการ์ เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการแพ้ 2 นัดรวด และสุธี ช่วยให้สโมสรคว้าชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลได้สำเร็จ ด้วยการยิงคนเดียว 2 ประตูในนัดที่บุกมาชนะสโมสรเซมบาวัง เรนเจอร์ส ถึงสนามอี้ซุ่น สเตเดียม 2-3 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม จากนั้นในนัดต่อมาที่เปิดบ้านพบกับสโมสร เกย์ลัง ยูไนเต็ด เขายิงประตูได้แต่สโมสรแพ้คาบ้านไป 1-2
ช่วงแรกของฤดูกาล 2545 สโมสรมีผลงานไม่ค่อยดีนัก แม้ต่อมาสุธี จะยิงได้ 4 นัดติดต่อกัน แต่สโมสรก็แพ้ถึง 3 นัด โดยสุธี ยิงได้ในนัดที่ออกไปแพ้สโมสรโฮม ยูไนเต็ด ที่สนามปี้ซาน สเตเดียม 4-2 ,ออกไปแพ้จูรง เอฟซี 2-1 และยิงในนัดที่แพ้คาบ้านต่อทัมปิเนส โรเวอร์ 1-2 ก่อนจะยิงประตูช่วยให้สโมสรบุกมาชนะ วู้ดแลนด์ เวลลิงตัน 2-3
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 สุธี ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรเมลเบิร์น วิคตอรี ในเอลีก ประเทศออสเตรเลีย ด้วยสัญญายืมตัวเป็นระยะเวลา 3 เดือนจากสโมสรทัมปิเนส โรเวอร์ส โดยสุธีย้ายมาในฐานะนักฟุตบอลรับเชิญของสโมสร ซึ่งเป็นโควต้าพิเศษที่ลงเล่นในลีกได้ไม่เกิน 3 เดือน อย่างไรก็ตามเขาถือเป็นนักฟุตบอลไทยคนที่สองที่ได้เล่นฟุตบอลในลีกอาชีพของประเทศออสเตรเลีย ต่อจากสุรัตน์ สุขะ
ที่สโมสรแห่งนี้สุธี ได้รับเสื้อหมายเลข 27 และลงเล่นภายใต้การคุมทีมของเออร์นี เมอร์ริก โค้ชชาวสก็อตติช-ออสเตรเลียน โดยลงสนามเป็นครั้งแรกให้สโมสรในการแข่งขันเอลีก ฤดูกาล 2009-2010 นัดที่เปิดสนามเอติฮัต สเตเดี้ยมพบกับสโมสรอดิเลด ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552 โดยสุธี ที่ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวจริงสามารถจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้ ก่อนจะชนะไป 3-1
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ประเทศออสเตรเลีย สุธี ลงเล่นในเอลีก ทั้งหมด 9 นัด แต่ไม่สามารถยิงประตูได้ ก่อนจะหมดสัญญากับสโมสรต้นสังกัดในเวลาต่อมา
ปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 สุธี กลับมาเล่นฟุตบอลในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี โดยเขาย้ายมาเล่นให้กับสโมสรบางกอกกล๊าส ที่มีสุรชัย จตุรภัทรพงษ์ เป็นกุนซือใหญ่ในขณะนั้นแบบไม่มีค่าตัว และเลือกสวมเสื้อหมายเลข 10
สุธี ลงเล่นให้สโมสรบางกอกกล๊าสนัดแรกในรายการฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนส์คัพ ครั้งที่ 34 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 โดยในการลงเล่นนัดแรก เขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิงคนเดียว 2 ประตู ในชัยชนะเหนือสโมสรสินธนา 7-1 ที่สนามกีฬาสิรินธร และยิงอีกหนึ่งประตูช่วยให้สโมสรเอาชนะชลบุรี เอฟซี ไป 3-0 โดยในการแข่งขันควีนส์คัพ สุธี เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาทีมทะลุเข้ามาชิงชนะเลิศกับสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ และเอาชนะไปได้ 4-1 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
ต่อมา สุธี สุขสมกิจ ลงสนามในลีกครั้งแรกให้สโมสรในวันที่ 24 มีนาคม ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก 2553 นัดที่เปิดบ้านเอาชนะสโมสรเพื่อนตำรวจ ไปได้ 1-0 ที่สนามลีโอ สเตเดียม และมายิงประตูแรกในลีกให้ต้นสังกัดได้เมื่อวันที่ 18 เมษายน ในไทยพรีเมียร์ลีก นัดที่เล่นในบ้านพบกับสโมสรฟุตบอลทหารบก โดยสุธี ยิงคนเดียว 2 ประตู และพาทีมชนะไป 3-1
ต่อมาในวันที่ 1 พฤษภาคม สุธี ยิงประตูได้อีกครั้ง โดยยิงให้ทีมตีเสมอสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนามกีฬาหนองปรือ และช่วยให้ทีมแบ่งแต้มออกมาได้สำเร็จ
ในช่วงเดือนมิถุนายนสโมสรเปลี่ยนแปลงผู้ฝึกสอนเป็นการ์ลอส โรเบร์โต คาวัลโญ่ โค้ชชาวบราซิลและกำลังมีผลงานในลีกที่ยอดเยี่ยม แต่สุธี กลับมาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ระหว่างการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก นัดที่เปิดบ้านถล่มสโมสรราชนาวี 5-0 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน โดยเขาได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปะทะกับศุภชัย ขำทรัพย์ กองกลางของสโมสรราชนาวี จนเอ็นเข่าซ้ายฉีกขาด ต้องพักยาวกว่า 4 เดือน
หลังหายจากอาการบาดเจ็บ สุธีกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในวันที่ 17 ตุลาคม ในไทยพรีเมียร์ลีกนัดที่บุกไปเสมอกับราชนาวี 3-3 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง โดยถูกส่งลงมาเล่นในช่วง 5 นาทีสุดท้าย จากนั้นสุธี สามารถยิงประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยโตโยต้า ลีกคัพ 2553 รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง ซึ่งเขาช่วยให้ต้นสังกัดบุกมาชนะสโมสรชลบุรี เอฟซี 2-0 ที่สนามสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี โดยประตูดังกล่าวถือเป็นประตูแรกที่สุธี ยิงได้ในการแข่งขันถ้วยลีกคัพ ก่อนจะพาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
จบฤดูกาล 2553 บางกอกกล๊าส จบอันดับที่ 5 ในลีก โดยสุธี ลงสนามในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสรทั้งหมด 22 นัด (ไทยพรีเมียร์ลีก 11 นัด, ลีกคัพ 5 นัด, ควีนส์คัพ 6 นัด) และยิงประตูได้ 7 ประตู (ยิงในไทยพรีเมียร์ลีก 3 ประตู, ลีกคัพ 1 ประตู และ ควีนส์คัพ 3 ประตู)
ต่อมาในฤดูกาล 2554 สโมสรเปลี่ยนแปลงผู้ฝึกสอนเป็นอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ โดยสุธี เปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 8 และทำประตูแรกในฤดูกาลนี้ได้เมื่อวันที่ 17 เมษายน ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีกนัดที่ถล่มสโมสรราชนาวีไป 4-0 ที่สนามลีโอ สเตเดียม
วันที่ 21 พฤษภาคม ระหว่างการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก นัดที่บุกไปชนะบีอีซี เทโรศาสน 2-0 ที่สนามเทพหัสดิน สุธี สุขสมกิจ ได้รับบาดเจ็บบริเวณโหนกแก้มขวาจากการเข้าปะทะกับผู้เล่นบีอีซี เทโรศาสน จนต้องเข้ารับการผ่าตัด
หลังจากต้องรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ถึง 3 เดือน สุธีกลับมาลงสนามได้ในเดือนกันยายน และต่อมาสโมสรได้นำสุรชัย จตุรภัทรพงษ์กลับมาคุมทีมอีกครั้ง และสุธี มีส่วนช่วยให้สโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 โดยลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้รวม 18 นัด ยิงได้ 1 ประตู
ต่อมาใน ฤดูกาล 2555 สุธี ยิงประตูแรกในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะสโมสรสมุทรสงคราม เอฟซี 4-1 แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่รบกวนอยู่เป็นระยะๆ ทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ โดยฤดูกาลนี้เขาลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกให้สโมสรช่วงครึ่งฤดูกาลแรก 10 นัด และยิงในลีกได้ 1 ประตู ก่อนจะถูกสโมสรปล่อยตัวออกจากทีมในเดือนมิถุนายน
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 สุธี สุขสมกิจ ย้ายมาเล่นให้สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี ในระดับดิวิชั่น 1 ภายใต้การคุมทีมของวรวุฒิ ศรีมะฆะ และได้เสื้อหมายเลข 23
โดยสุธี ลงสนามให้สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นนัดแรกในการแข่งขันโตโยต้า ลีกคัพ 2555 รอบ 32 ทีมสสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะสโมสรสมุทรสงคราม เอฟซี 2-0 โดยเป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมาในครึ่งหลัง จากนั้นเขาได้ลงสนามในระดับดิวิชั่น 1 เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ในนัดที่เอาชนะสโมสรบางกอก เอฟซี 3-0 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี
โดยสุธี ลงสนามในดิวิชั่น 1 ทั้งหมด 14 นัด และเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้สุพรรณบุรีคว้ารองแชมป์และเลื่อนชั้นกลับสู่ไทยพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเมื่อจบฤดูกาล
ในฤดูกาล 2556 ด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้สุธี ไม่สามารถลงเล่นเต็ม 90 นาทีได้บ่อยนัก แต่ก็ยังเป็นผู้เล่นที่มักจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลัง และมักจะสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับทีมเสมอๆ ในฤดูกาลนี้สุธี ลงสนามให้สโมสร 20 นัด (ไทยพรีเมียร์ลีก 17 นัด ฟุตบอลถ้วย 3 นัด) ยิงได้ 3 ประตู
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 สุธี สุขสมกิจ ในวัย 36 ปี ย้ายมาเล่นในระดับดิวิชั่น 1 กับสโมสรยาสูบ เอฟซี ภายใต้การคุมทีมของพนิพล เกิดแย้ม และได้เบอร์เสื้อหมายเลข 20
โดยสุธี ลงสนามนัดแรกให้ยาสูบ เอฟซี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ในการแข่งขันลีกดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2558 นัดที่ออกไปแพ้ให้กับสโมสรเพื่อนตำรวจ 0-1 ที่สนามลีโอ สเตเดียม
1 นริศ ? 2 วสันต์ ? 4 ทัศนา ? 6 อำนาจ (c) ? 7 มีเชลีนี ? 8 เอกพันธ์ ? 9 เลอันโดร ? 10 ศุภเสกข์ ? 11 กรกช ? 14 ธีรเทพ ? 15 ภูริทัต ? 16 ปีเตอร์ แลง ? 17 วสันต์ ? 18 กฤษณะ ? 19 เอกภพ ? 20 ซารูตะ ? 22 เยอร์โควิช ? 23 พีรพงษ์ ? 25 คาอิมบี ? 26 ซูบาร่า ? 27 อนันต์ ? 28 องอาจ ? 29 ชาตรี ? 30 ประวีณวัช ? 31 เมน่า ? 32 ปิยะชาติ ? 33 ทัยวัฒน์ ? 34 ชัชนันท์ ? 36 สุวรรณภัทร์ ? 37 สุบรรณ ? 38 สุรศักดิ์ ? 39 ธนาสิทธิ์ ? 40 วัสพล ? หัวหน้าโค้ช : อรรถพล